Search

จิตวิทยาศาสตร์ : ลูกของผม และรัฐบาลของเรา : โดย ผศ.ดร.ประภาศ ปานเจี้ยง - มติชน

scnienews.blogspot.com
จิตวิทยาศาสตร์ : ลูกของผม และรัฐบาลของเรา

จิตวิทยาศาสตร์ : ลูกของผม และรัฐบาลของเรา

ช่วงนี้ที่โรงเรียนลูกของผู้เขียนจัดสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ 17-20 สิงหาคม 2563 เมื่อวานไม่มีการเรียนการสอนตามรายวิชาต่างๆ แต่มีการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทั้งวัน ลูกเล่าให้ฟังว่าจัดเป็นซุ้มๆ แต่ละซุ้มมีพี่ๆ ม.ปลาย เป็นผู้นำเล่นเกมบ้าง ตอบปัญหาบ้าง ล้วนแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

วันนี้ (19 สิงหาคม 25636) จัดต่อเนื่อง แต่เป็นการชมนิทรรศการ และเป็นการฟังการบรรยายจากคนดังที่เป็นไอดอลทางด้านวิทยาศาสตร์ของนักเรียนประเทศนี้จัดทางออนไลน์ กิจกรรมของทุกอย่างวันนี้เป็นทางออนไลน์หมด เนื่องจากโรงเรียนระวังเรื่อง Social distancing ลูกชายเลยเข้าร่วมกิจกรรมทางออนไลน์อยู่ที่บ้าน

เช้านี้เช่นกัน ระหว่างทานกาแฟก่อนออกจากบ้านไปมหาวิทยาลัย ผู้เขียนดูข่าวเช้าทางโทรทัศน์ช่องประจำ มีข่าวเรื่องว่าเมื่อวานเกิดเหตุการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดที่ทำเนียบ (ไม่ทราบว่าที่อื่นมองเห็นกันมั้ยนะครับ) วันนี้โหรประจำทำเนียบรัฐบาลที่รัฐบาลแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้เข้ามาทำงานที่ทำเนียบ สื่อมวลชนรุมล้อมสัมภาษณ์ โหรประจำทำเนียบตอบว่า มาดูฮวยจุ้ยห้องทำงานของนายอนุชา นาคาศัย และของนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังต้องปรับให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยให้มากขึ้น และให้สัมภาษณ์ว่า ครม.ชุดใหม่ดวงดี ทุกอย่างของประเทศกำลังจะดีขึ้น หลังเดือนธันวาคมปีนี้นายกรัฐมนตรีจะข้ามผ่านปีชงแล้ว จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ได้นานครบ 2 สมัย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้นโหงวเฮ้งเขาดีมากอยู่แล้ว ให้สังเกตที่รูปคาง ส่วนศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่รับตำแหน่งใหม่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานนั้น โหงวเฮ้งดีมาก อนาคตทางการเมืองดีมาก ให้จับตามอง นอกจากนี้ยังกล่าวถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้นปีนี้ก็อยู่ในช่วงปีชง ปีหน้าจะหมดเคราะห์ทุกคน

ผู้เขียนเป็นผู้สอนวิชาตระกูลจิตวิทยา ได้แก่ จิตวิทยาสำหรับครู จิตวิทยาทั่วไป และจิตวิทยาสังคม สอนทั้งปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิต และปริญญาโท

จิตวิทยาเป็นวิชาที่นักเรียน นักศึกษาและบุคคลทั่วไปควรเรียนรู้อย่างยิ่ง เนื่องจากมีธรรมชาติมีศาสตร์ร่วมระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ทั้งพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้โดยตรง (Molar Behavior) และพฤติกรรมที่ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรง (Molecular Behavior) ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินชีวิตในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว จำนวนประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น และพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมซับซ้อนกว่าวิถีชีวิตในอดีต การได้ศึกษาวิชาจิตวิทยา ทำให้ผู้เรียนสามารถอธิบาย ทำนาย และควบคุมพฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นได้ จะได้มากหรือน้อยก็ตามแต่
ผู้เรียนแต่ละคน การสามารถอธิบาย ทำนาย และควบคุมพฤติกรรมของทั้งตัวเองและผู้อื่นได้นั้น ทำให้บุคคลเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น และปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมได้ จะเป็นผลให้บุคคลศรัทธาต่อการมีชีวิตอยู่ และดำรงตนในสังคมได้อย่างมีความสุข

โดยสรุปจิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่สร้างวิธีคิดแบบ “จิตวิทยาศาสตร์” (Scientific Mind) นั่นคือคิดเข้าสู่หลักความจริงของชีวิตและโลก

กรณีเหตุการณ์ตุ๊กตาลูกเทพเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ มีพลังวิเศษที่จะทำให้ได้โชคลาภ ร่ำรวย ทำมาค้าขายขึ้นดังใจปรารถนา และที่สำคัญคือมีเหล่าดารา นักร้อง ดีเจ พิธีกรต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นคนดังทางสังคม เชื่อเช่นนั้นด้วย แล้วเลี้ยงดู พูดคุย ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ทำบุญให้ ยันพาไปเที่ยวเดินห้าง จนเกิดเป็นพฤติกรรมลอกเลียนแบบกันมากมาย และก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่จะทำให้ชีวิตของเจ้าของตุ๊กตาลูกเทพมีความสุข มีโชคลาภ ร่ำรวย ทำมาค้าขายขึ้นตามที่ใจปรารถนา นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นความอ่อนด้อยทางจิตวิทยา เนื่องจากขาดเป็นจิตวิทยาศาสตร์

กรณีการคลั่งวัตถุบูชา “ไอ้ไข่” ที่กำลังเป็นประเด็นทางสังคม ก็น่าเป็นห่วงอยู่ เราจำปรากฏการณ์ “จตุคามรามเทพ” กันได้ใช่มั้ยครับ แล้วเป็นไง เมื่อสิ้นกระแสมีข้อมูลว่าผู้ที่ครอบครองไว้มากมายต้องเอาไปทิ้งลงถังขยะกันเลยแหละ

ที่ว่าจิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์นั้น เพราะข้อมูลที่นำมาอธิบาย มาทำนาย หรือนำมาควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์นั้น ได้มาโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาเชื่อว่าพฤติกรรมทุกพฤติกรรมต้องมีสาเหตุ เมื่อตั้งกฎเกณฑ์อะไรขึ้น ต้องพิสูจน์ได้ว่ามาจากแหล่งที่มาใด เหตุกับผลต้องสัมพันธ์กัน ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อย่างน้อยที่สุด ได้แก่ การสังเกต (Observation) การตั้งปัญหา (Formulating the Problem) การตั้งสมมุติฐาน (Stating the Hypothesis) การรวบรวมข้อมูล (Collecting the Data) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis the Data) การสรุปผล (Conclusion) คนที่ใช้จิตวิทยาในการดำเนินชีวิตจึงเป็นคนที่มีจิตวิทยาศาสตร์ กล่าวให้เข้าใจง่ายคือมีระบบคิดเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่ออะไรอย่างไร้เหตุผล ปราศจากการไตร่ตรองที่มาที่ไปของข้อมูล รวบรวมข้อมูลมาอย่างเป็นระบบก่อนที่ตัดสินใจเชื่อ และไม่หลงเชื่อถือสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ในทันที

การอ่อนด้อยทางจิตวิทยาศาสตร์กรณีของพึ่งพาสิ่งที่อุปโลกน์ว่าศักดิ์สิทธิ์มีมากมายเหลือเกินในประเทศเรา เป็นปัญหาของการพัฒนาประเทศ และเป็นตัวชี้วัดความด้อยพัฒนาของประเทศอย่างชัดเจน

ผู้เขียนลองหาข้อมูลเหตุการณ์ “พระอาทิตย์ทรงกลด” ว่ามีสาเหตุจากอะไร ได้ข้อมูลว่า
พระอาทิตย์ทรงกลด (Sun Halo) เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุด และเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆจำนวนมาก รวมทั้งเมฆเซอร์รัส (Cirrus Cloud) ซึ่งเป็นเมฆที่อยู่สูงขึ้นไป 5-10 กิโลเมตร ทั้งนี้ ในชั้นเมฆเซอร์รัสนี้จะมีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หากอากาศในช่วงนั้นมีละอองน้ำมาก ละอองน้ำเหล่านั้นจะแข็งตัวกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง หรือผลึกน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งเกล็ดน้ำแข็งนี้เองจะมีลักษณะคล้ายกับอัญมณี เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นแล้วส่องแสงมาตกกระทบกับเกล็ดน้ำแข็งในมุมที่เหมาะสม ก็จะเกิดการหักเหและสะท้อนแสงออกไป ทำให้เกิดเป็นลำแสงสีรุ้งคล้ายรุ้งกินน้ำหลังฝนตกขึ้นมา และกลายเป็นปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดที่ส่องแสงวาบออกมาจากผลึกน้ำแข็งนั่นเอง

การคิดแบบจิตวิทยาศาสตร์ จะใช้แก้ปัญหาประเทศเราได้แบบ “ยกเครื่อง” กันเลย เวลานี้ปัญหาเรื่องนี้เป็นปัญหาหนักของประเทศ สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่วันๆ หวังพึ่งแต่เรื่องไสยศาสตร์ พึ่งหวังลาภลอย พึ่งสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ไม่คิดพึ่งมือพึ่งเท้าของตนเอง ทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เรานับถือพุทธศาสนา ซ้ำร้ายบุคคลที่จะเป็นผู้นำของประเทศกลับมาเป็นปัญหาในเรื่องนี้เสียเองอีก

ที่กล่าวว่า จิตวิทยายังเป็นศิลปศาสตร์อีกด้วยนั้น เนื่องจากจิตวิทยามีความพิสดารมาก เป็นศาสตร์ที่ต้องประยุกต์ใช้อย่างถูกกาลเทศะ และบุคคล รวมทั้งโอกาส และสถานการณ์ต่างๆ จึงจะทำให้เกิดสัมฤทธิผลได้ เราจึงไม่ควรประณามคนที่คลั่งรูปบูชา “ไอ้ไข่” อย่างเสียๆ หายๆ ในเมื่อเขาประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น แม้เราจะมองว่าเป็น “ความงมงาย” ในทางกลับกันเราต้องทำความเข้าใจด้วยคำถามว่า ทำไมเขาจึงแสดงพฤติกรรมเช่นนั้น? เพราะเขาพึ่งพาความจริงในสังคมไม่ได้ใช่มั้ย? เขาพึ่งพากลไกของรัฐไม่ได้ใช่หรือมั้ย? การตั้งคำถามแบบนี้ เป็นคำถามของคนที่มีจิตวิทยาศาสตร์ เพื่อจะได้ค้นหาสาเหตุของพฤติกรรมมาอธิบายคำถาม เพื่อทำนายอนาคตของพฤติกรรมนี้ และเพื่อที่จะควบคุมให้พฤติกรรมทำนองนี้ลดลง

เรื่องปลูกฝังส่งเสริมจิตวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนมั่นใจว่าเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศเรา หากดูพัฒนาการของเรื่องนี้จะเห็นเราข้ามไม่พ้นเรื่องนี้มาเกือบหลายศตรรษแล้ว และซ้ำร้ายจะมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า…ก็ไม่ทราบได้

ฉะนั้น ความเชื่อถึงความมั่นคง ยั่งยืนของรัฐบาลนี้ที่ยึดโยงกับคำทำนายของโหรประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวผู้เขียน “ไม่ดูแคลน ไม่ลบหลู่” จะทำก็ทำไปเถอะ แต่…ในฐานะประชาชนของประเทศนี้ และอาจารย์สอนหนังสืออนุชน ผู้เขียนเป็นห่วงว่า….ประเทศชาติจะรอดพ้น “กับดัก” ที่ท่านผู้นำกล่าวไว้ได้อย่างไรกัน….ในเมื่อท่านผู้นำเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานั้น

ขณะเขียนต้นฉบับนี้ ลูกชายผู้เขียนคงใจจดใจจ่ออยู่กับการฟังนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นไอดอลของเขาทางออนไลน์ และผู้เขียนก็คาดการณ์ว่าบางคนที่ทำเนียบรัฐบาลคงอิ่มอกอิ่มใจอยู่กับปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดเมื่อวาน และอิ่มอกอิ่มใจอยู่กับคำให้สัมภาษณ์ของโหรประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้านี้…สาธุครับ

ผศ.ดร.ประภาศ ปานเจี้ยง
คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่




August 23, 2020 at 10:23AM
https://ift.tt/32lizFf

จิตวิทยาศาสตร์ : ลูกของผม และรัฐบาลของเรา : โดย ผศ.ดร.ประภาศ ปานเจี้ยง - มติชน

https://ift.tt/2wcicAM


Bagikan Berita Ini

0 Response to "จิตวิทยาศาสตร์ : ลูกของผม และรัฐบาลของเรา : โดย ผศ.ดร.ประภาศ ปานเจี้ยง - มติชน"

Post a Comment

Powered by Blogger.